การนำเมล็ดมาแช่น้ำก่อนการนำไปปลูกลงดินแน่นอนว่ามันคงดีกว่าการนำเมล็ดไปปลูกโดยตรง ถามว่ามันจะใช้ได้กับพืชทุกชนิดมั้ย อันนี้ไม่แน่ใจ คำถามมันจะใช้กับผักบุ้งได้มั้ย และมันจะคุ้มค่ากับเวลาหรืออุปกรณ์ที่เสียไปหรือไม่ “เรามาค้นหาคำตอบด้วยตัวเราเอง”
เริ่มต้นจากการเลือกผักอะไรดี จบลงที่ผักบุ้งด้วยเหตุผลมากมาย ต้องมีการเปรียบเทียบ 2 กลุ่มคือกลุ่มที่ 1 แช่เมล็ดพันธุ์ ส่วนกลุ่มที่ 2 ไม่ต้องแช่ปลูกได้เลย ควบคุมสิ่งแวดล้อมโดยอยู่ในแปลงเดียวกัน รดน้ำเท่ากัน มีทั้งหมด 5 ขั้นตอนดังนี้

1.เตรียมอุปกรณ์การแช่เมล็ดผักบุ้ง
- เมล็ดผักบุ้งจีน ซื้อมา 5 บาทที่ตลาดสด
- ผ้าสำหรับห่อเมล็ด 1 ผืน
- หนังยาง 2 เส้น
- ถุงพลาสติก 1 ใบ
2. ลงมือแช่เมล็ดผักบุ้ง โดยห่อเมล็ดผักบุ้งด้วยผ้าใช้หนังยางรัด ใส่น้ำเปล่าในถุงพลาสติกและนำห่อผ้าใส่ในถุงมัดปากถุงด้วยหนังยางให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จกระบวนการแช่เมล็ด ทิ้งไว้ 1 คืน

3.เตรียมเมล็ดผักบุ้งปลูกลงดิน เมื่อครบเวลา 1 คืน ตามเวลาที่กำหนดให้คลี่ห่อผ้าออก และเตรียมนำเมล็ดผักบุ้งที่แช่ไว้ไปลูกลงดินที่เตรียมไว้

ภาพ ก่อนแช่น้ำ

ภาพ หลังแช่น้ำ 1 คืน
4.ปลูกผักบุ้งลงดิน เริ่มต้นทำร่องดินเป็นแถวยาวระยะห่างประมาณ 5 เซ็นติเมตร เสร็จแล้วนำเมล็ดผักบุ้งที่แช่ไว้หยอดลงร่องดินที่เตรียมไว้สลับกับหยอดเมล็ดผักบุ้งธรรมดาที่ไม่ได้แช่น้ำสลับแถวกันไป หลังจากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม (ต้องทำเครื่องหมายแยกแถวที่ปลูกด้วยการแช่เมล็ดกับไม่ได้แช่เมล็ดให้ชัดเจน เพื่อดูเปรียบเทียบการงอกของเมล็ด)


5.รดน้ำเช้าและเย็น หมั่นรดน้ำเช้าและเย็นและสังเกตพร้อมบันทึกการเปลี่ยนแปลงของการงอกของเมล็ดพันธ์ุผักบุ้งระหว่างแถวที่แช่เมล็ดกับแถวที่ไม่ได้แช่เมล็ด

ภาพ ปลูกวันที่ 1 ยังไม่งอก

ภาพ ปลูกวันที่ 2 ยังไม่งอก

ภาพปลูกวันที่ 3 เริ่มงอก
สรุปผลการทดลองพบว่าเมล็ดผักบุ้งที่แช่น้ำ 1 คืน ใช้เวลางอกจากพื้นดินหลังปลูกลงดิน 3 วัน ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งที่ไม่ได้ผ่านการแช่น้ำจะงอกจากพื้นดินหลังปลูกลงดิน 5 วัน ซึ่งช้ากว่า 2 วัน(แต่อย่าลืมว่าการแช่น้ำเริ่มก่อน 1 วัน) ส่วนตัวจะใช้วิธีแช่น้ำก่อนปลูกน่าจะดีกว่า(ดีต่อใจ เพราะมันเห็นผลเร็วสำหรับมือใหม่หัดปลูก)
ครั้งต่อไปเราจะมาทดสอบว่า การปลูกผักบุ้งรูปทรงไหน เช่น สี่เหลี่ยม สามแหลี่ยม วงกลม จะได้ผลผลิตที่ดีกว่ากัน